2 มิถุนายน 2568

Last-mile Delivery คืออะไร ? และ Last-mile Delivery ที่ดีส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร ?

Last-mile Delivery คืออะไร Final Mile Direct-to-Consumer (D2C) Business-to-Business Click-and-Collect Pickup Points Crowdsourced Delivery

แม้จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของซัพพลายเชน แต่ Last-mile Delivery เป็นจุดที่ส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้ามากไม่แพ้ขั้นตอนอื่น ๆ ทั้งความพึงพอใจในแง่ของความเร็ว ความแม่นยำ และความยืดหยุ่นในการจัดส่ง (เช่น การเปลี่ยนวันเวลาหรือสถานที่ส่งของ) นอกจากนี้ ยังเป็นขั้นตอนที่มีต้นทุนขนส่งสูงและมักเต็มไปด้วยความซับซ้อนที่ธุรกิจต้องบริหารจัดการให้รอบคอบและมีประสิทธิภาพ

โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้ง B2B และ B2C ที่สินค้ามีการหมุนเวียนเร็ว ปริมาณการจัดส่งสูง และลูกค้าให้ความสำคัญกับความไว ความถูกต้อง และแม่นยำ การออกแบบระบบ Last-mile Delivery ที่มีประสิทธิภาพจึงส่งผลต่อรายได้และความเชื่อมั่นต่อธุรกิจในระยะยาว

บุญรอด ซัพพลายเชน (BRS) จะพาไปทำความเข้าใจว่า Last-mile Delivery คืออะไร มีกี่รูปแบบ มีความท้าทายอะไรบ้าง และการมี Last-mile Delivery ที่มีประสิทธิภาพจะให้ประโยชน์กับธุรกิจอย่างไร เมื่อเราอยู่ในอุตสาหกรรมที่ความรวดเร็วคือหัวใจของการแข่งขัน

Last-mile Delivery คืออะไร ?

Last-mile Delivery หรือบางครั้งอาจถูกเรียกว่า ‘Final Mile’ คือขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการจัดส่ง ที่ต้องขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าหรือคลังสินค้าไปยังผู้รับปลายทาง ถ้าเป็นธุรกิจ B2B ก็อาจจะเป็นสำนักงานบริษัทและร้านค้า หรือถ้าเป็นธุรกิจ B2C ก็เป็นการจัดส่งสินค้าไปยังบ้านของผู้บริโภคโดยตรง

ความท้าทายของ Last-mile Delivery คือความสามารถของระบบโลจิสติกส์และพนักงานจัดส่งที่ต้องรับมือกับการจราจรที่คาดเดายาก ต้องมีการวางแผนเส้นทางขนส่ง มีแผนรับมือกับสภาพอากาศและอุปสรรคอื่น ๆ เพื่อให้สามารถส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยและตรงเวลา

แม้ว่ากระบวนการ Last-mile Delivery จะเป็นช่วงที่มีระยะทางสั้นที่สุดในซัพพลายเชน แต่กลับเป็นขั้นตอนที่ใช้ต้นทุนสูงและมีความซับซ้อนมากที่สุด

รูปแบบของ Last-mile Delivery

  1. Direct-to-Consumer (D2C): การจัดส่งถึงลูกค้าปลายทางแบบรายบุคคล เหมาะกับธุรกิจออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ (E-commerce)
  2. Business-to-Business (B2B): การส่งสินค้าระยะสุดท้ายระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ เช่น จากคลังสินค้าไปยังร้านค้าปลีก
  3. Click-and-Collect: ลูกค้าสั่งสินค้าผ่านออนไลน์แล้วไปรับของที่สาขาใกล้บ้าน
  4. Pickup Points: เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้า ของจะถูกจัดส่งไปยังจุดรวบรวมและกระจายสินค้า โดยลูกค้าสามารถไปรับได้ในจุดที่สะดวกที่สุด (ปัจจุบันมีบริการ Pickup Point ที่ตู้ล็อกเกอร์เยอะขึ้น ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดเรื่องเวลาเปิดบริการของจุดรับฝากของ)
  5. Crowdsourced Delivery: ใช้พนักงานขับรถอิสระหรือบุคคลทั่วไปในการจัดส่ง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความเร็ว เช่น SME รายเล็ก ๆ ที่ฝากส่งของไปกับรถตู้ประจำทางให้ช่วยนำไป Drop ใกล้บ้านลูกค้า เป็นต้น

ประสิทธิภาพที่ดีของ Last-mile Delivery ส่งผลอย่างไรกับธุรกิจ

1. ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

เมื่อลูกค้าสามารถติดตามสถานะได้ตลอดเส้นทางขนส่งและมีการแจ้งเตือนที่ชัดเจน ที่สำคัญคือส่งถึงมือลูกค้าได้ตรงเวลาและครบถ้วน จะสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจต่อแบรนด์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อซ้ำและบอกต่อ

2. ลดต้นทุนโดยรวมในระยะยาว

แม้ Last-mile Delivery จะเป็นกระบวนการโลจิสติกส์ที่มีต้นทุนสูง แต่สามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ด้วยการออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจ รวมถึงนำระบบวิเคราะห์เข้ามาช่วยปรับปรุงเส้นทางการขนส่ง เพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น

3. เพิ่มความยืดหยุ่นและตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็ว

การมีระบบจัดส่งที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เช่น ตัวเลือกการจัดส่งภายในวันเดียว (Same-day delivery), จัดส่งในเวลาที่ลูกค้าเลือก (Scheduled delivery) หรือการเปลี่ยนที่อยู่ปลายทางระหว่างทาง หากสามารถยืดหยุ่นตามความต้องการเหล่านี้ได้จะกลายเป็นแต้มต่อที่สำคัญของธุรกิจ

4. สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ

ธุรกิจที่สามารถส่งมอบสินค้าได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และสร้างความพึงพอใจในทุกจุดสัมผัส จะได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาดที่มีสินค้าคล้ายกัน เพราะประสบการณ์ที่ดีจะสร้าง "ความผูกพัน" กับลูกค้าได้มากกว่าการโฟกัสที่กลยุทธ์การลดราคาเพียงอย่างเดียว

5. สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

ระบบจัดส่งที่ยืดหยุ่นสามารถขยายตัวได้ (Scalable Logistics) ช่วยให้ธุรกิจสามารถรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเริ่มต้นปรับโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในยุคที่มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจสูง ลูกค้าเปรียบเทียบทุกประสบการณ์ได้เพียงปลายนิ้วและสามารถเปลี่ยนใจได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ Last-mile Delivery ไม่ใช่เพียงเรื่องของการ “ส่งของให้ถึง” แต่คือโอกาสในการสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าซึ่งนำไปสู่ความประทับใจในตัวแบรนด์ได้

หากธุรกิจสามารถเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นโอกาสได้ ก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นมืออาชีพและสร้างความแตกต่างในตลาดได้อย่างชัดเจน และที่ บุญรอด ซัพพลายเชน (BRS) เราพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่คุณวางใจได้ในทุกก้าวของซัพพลายเชน ด้วยประสบการณ์และโซลูชันโลจิสติกส์ที่ออกแบบให้ตอบโจทย์ธุรกิจคุณอย่างแท้จริง

“BRS เราเป็นให้คุณมากกว่าแค่ Supply Chain Solutions Provider”

สนใจติดต่อสินค้า/บริการ ได้ที่ brs-group.com

Tel: 1439

#BRS #BoonRawdSupplyChain #TotalSupplyChainSolutions #Empoweryourbusiness #สปีดได้ไวสเกลได้ไกล #LastMileDelivery #Logistics #LogisticsManagement #TransportationManagement

Source: bangkokbiznews , DHL, DCL, EMARKETER, Upper

เพิ่มเติมเกี่ยวกับ บทความ