โลจิสติกส์ญี่ปุ่นเอาตัวรอดอย่างไร ในสถานการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง

ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่ต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยการวางแผนที่รอบคอบและระบบโลจิสติกส์ที่ยืดหยุ่น ทำให้ธุรกิจหรือบริษัทในญี่ปุ่นสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
BRS จะพาไปศึกษาวิธีที่บริษัทในญี่ปุ่นใช้ในการบริหารโลจิสติกส์ในช่วงภัยพิบัติ และโลจิสติกส์ในไทยจะสามารถนำไปประยุกต์เพื่อรับมือกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติอื่น ๆ ได้อย่างไรบ้าง
การจัดการโลจิสติกส์เพื่อรับมือเหตุการณ์แผ่นดินไหวแบบบริษัทในญี่ปุ่น
1. ระบบซัพพลายเชนแบบกระจายตัว (Decentralized Supply Chain)
แผ่นดินไหวอาจทำให้เส้นทางการขนส่งหรือศูนย์กระจายสินค้าหลักได้รับความเสียหาย ธุรกิจหรือบริษัทในญี่ปุ่นหลายแห่งมีการกระจายศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้าในหลายพื้นที่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาศูนย์กลางเพียงที่เดียว และมีแผนสำรองในการขนส่งสินค้าเพื่อป้องกันการพึ่งพาเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งมากเกินไป
เหมือนกับ Toyota ที่มีการการวางแผนเครือข่ายซัพพลายเชนซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางจัดส่งได้อย่างรวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน
หากธุรกิจไม่สามารถลงทุนในศูนย์กระจายสินค้าของตัวเองได้ กรณีนี้สามารถนำสินค้าเข้าไปฝากเก็บในพื้นที่ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายกว่า ไม่ต้องมี Fix Cost ไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด
2. การใช้เทคโนโลยีและระบบข้อมูลแบบเรียลไทม์
บริษัทที่มีการบริหารโลจิสติกส์ในประเทศญี่ปุ่น มักมีการใช้ระบบ GPS Tracking และ AI ที่สามารถวิเคราะห์เส้นทางการขนส่งและแจ้งเตือนหากมีถนนที่เสียหายจากแผ่นดินไหว และแนะนำเส้นทางใหม่ที่ปลอดภัยและรวดเร็วได้
การนำเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น ระบบติดตามแบบเรียลไทม์, AI, IoT (Internet of Thing) เข้ามาใช้ในโลจิสติกส์ จะทำให้เราสามารถเฝ้าระวังและจัดการความเสี่ยงในซัพพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้ว่าความเสียหายอยู่ตรงไหน และสามารถฟื้นฟูระบบโลจิสติกส์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
3. ศูนย์บัญชาการฉุกเฉิน
เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือสาเหตุอื่น บริษัทในญี่ปุ่นจะมีการเปิดศูนย์บัญชาการฉุกเฉินเพื่อรวบรวมข้อมูล ประเมินสถานการณ์ และตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินงานโลจิสติกส์ เช่น การปรับเส้นทางการขนส่ง การจัดสรรทรัพยากร และการสื่อสารกับลูกค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารโลจิสติกส์ให้กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ซอฟแวร์บริหารโลจิสติกส์ที่สามารถอัปเดตข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ รวมทั้งมีแผนฝึกซ้อมเป็นระยะ ๆ เพื่อให้พนักงานคุ้นเคยกับกระบวนการรับมือหากเกิดเหตุการณ์จริง
จากกรณีศึกษาของการจัดการโลจิสติกส์ในประเทศญี่ปุ่น จะเห็นได้ว่าการเตรียมความพร้อม การบริหารจัดการข้อมูล และการสร้างเครือข่ายซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่น เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สามารถรับมือกับแผ่นดินไหวและภัยพิบัติอื่น ๆ ได้ และการผ่านเหตุการณ์วิกฤตเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยทำให้ระบบโลจิสติกส์กลับมาดำเนินงานได้อย่างปกติอีกครั้ง แต่ยังเป็นโอกาสในการปรับปรุงและสร้างรากฐานทางโลจิสติกส์ให้แข็งแกร่ง สามารถรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตได้ดียิ่งขึ้นด้วย
BRS พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนโซลูชันโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจ
“BRS เราเป็นให้คุณมากกว่าแค่ Supply Chain Solutions Provider” สนใจติดต่อสินค้า/บริการ ได้ที่ brs-group.com Tel: 1439
#BRS #BoonRawdSupplyChain #TotalSupplyChainSolutions #Empoweryourbusiness #สปีดได้ไวสเกลได้ไกล #RiskManagement
#Climatemanagement #Earthquake #โลจิสติกส์ญี่ปุ่น #แผ่นดินไหว